เมนู

กถาว่าด้วยกรรม 3

*

ชื่อว่า ทวารแห่งกรรม 3 เหล่านี้ บัดนี้ จะกล่าวถ้อยคำพิสดารการ
ตั้งมาติกาในกถาว่าด้วยทวารที่กล่าวค้างไว้ ตั้งแต่กรรม 3 ตามที่ได้แสดง
ทวารแห่งกรรมเหล่านั้นแล้ว เว้นกรรม 3 เหล่านั้นไว้. จริงอยู่ กรรม 3 คือ
กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ถามว่า ชื่อว่า กรรม นี้ได้แก่อะไรบ้าง
ตอบว่า ได้แก่ เจตนา และธรรมที่สัมปยุตด้วยเจตนาบางอย่าง บรรดาธรรม
ทั้งสองเหล่านั้น ความที่เจตนาเป็นกรรม มีพระสูตรเหล่านั้นกล่าวไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม บุคคลจงใจแล้ว
จึงกระทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ (และคำว่า) ดูก่อนอานนท์ จริงอยู่
เมื่อกายมีอยู่ ความสุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะกายสัญเจตนา
เป็นเหตุ (เพราะความจงใจทางกายเป็นเหตุ) ดูก่อนอานนท์ หรือเมื่อวาจามีอยู่
ความสุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะวจีสัญเจตนาเป็นเหตุ ดูก่อน
อานนท์ หรือว่าเมื่อใจมีอยู่ ความสุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะ
มโนสัญเจตนาเป็นเหตุ (และคำว่า) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายสัญเจตนา 3 อย่าง
เป็นกายกรรมฝ่ายอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก วจีสัญเจตนา 4
อย่าง เป็นวจีกรรมฝ่ายอกุศล ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มโนสัญเจตนา 3
อย่าง เป็นมโนกรรมฝ่ายกุศล มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบาก (และคำว่า)
ดูก่อนอานนท์ ถ้าโมฆบุรุษ ชื่อว่า สมิทธิ นี้ถูกปาฏลิบุตรปริพาชกถามอย่างนี้
พึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านปาฏลิบุตร ท่านกระทำกรรมเนื่องด้วยสัญ-
เจตนา ย่อมเสวยสุขเนื่องด้วยสุขเวทนา ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ฯลฯ
* กถานี้เป็นลำดับแรกแต่ท่านแสดงไว้ที่ 2